ไผ่ ชนิดนี้ พบมีต้นวางขายที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร มีป้ายชื่อ เขียนติดไว้ชัดเจนว่า “ไผ่มันหมู” พร้อมมีรูปติดโชว์ให้ชมด้วย ซึ่ง ก็เป็นต้นเดียวกันกับ ไผ่เป๊าะ ที่คนส่วนใหญ่รู้จัก และนิยมรับประทานกันมาช้านาน พบขึ้นทั่วไปตามป่าธรรมชาติตั้งแต่ภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เรื่อย ลงมาจนถึงภาคกลางแถบ จ.กาญจนบุรี ในบางพื้นที่นิยมปลูกเพื่อ เก็บหน่อรับประทานในครัวเรือน หรือปลูกเพื่อเก็บหน่อขายได้รับ ความนิยมจากผู้รับประทานอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะทางภาคเหนือ เนื่องจากหน่อสดของ “ไผ่มันหมู” หรือ ไผ่เป๊าะ จะมีรสหวานนำไปต้มกับน้ำคั้นใบย่านางกินเป็นผักจิ้มน้ำพริก อีแก๋ น้ำพริกกะปิ และน้ำปรู๋ ทำแกงเปรอะ แกงรวมกับเห็ดทอบใส่แคบหมู แกงกับไก่ ปลา หรือเนื้อ อร่อยมาก
ประโยชน์ ทางยา ใบ ของ “ไผ่มันหมู” ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ขับและฟอกโลหิตระดูที่เสีย แก้มดลูกอักเสบ ตาไผ่ แก้ร้อนในกระหายน้ำ ราก ขับปัสสาวะ และแก้ไตพิการ
ไผ่ มัน หมู หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักคือ ไผ่เป๊าะ มีชื่อวิทยาศาสตร์ DENDROCALAMUS GIGAN-TEUS MUNRO อยู่ในวงศ์ GRAMI-NEAE มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เป็นไม้ตระกูลหญ้า ลำต้นตรง สูง 25-30 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางต้น 20-25 ซม. เนื้อหนาประมาณ 2-3 ซม. ตอนกลางลำต้นเปลาไม่มีกิ่ง ตอนปลายลำเป็นสีเขียวอมเทาคล้ายกับมีขี้ผึ้งสีขาวคลุมทั่ว ข้อตอนกลางมีขนและมีรอยราก หน่อมีขนาดใหญ่ แต่ไม่ยาว เนื้อหน่อเป็นสีขาว รสชาติหวาน ปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายชนิด
ใบ เรียวแหลม โคนใบทู่เป็นมุมป้าน ยาว 15-45 ซม. กว้าง 3-6 ซม. หลังใบเป็นสีเขียวเข้ม ท้องใบเป็นสีเขียวอ่อน ขอบใบคมสากมือ ก้านใบสั้น เวลาแตกต้นเป็นกอขนาดใหญ่หลายๆต้น จะให้ร่มเงาดีมาก เนื้อไม้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการก่อสร้าง หรือ แปรรูปหลายรูปแบบ
ดอก เป็นช่อ มีกาบหุ้มเหมือนหญ้า เมื่อต้นไผ่มีดอกและดอกแห้งแล้ว ต้นมักจะตายเรียกว่า “ไผ่ตายขุย” เมล็ดมีขนาดเล็กคล้ายเมล็ดข้าวสาร ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำต้น ซึ่ง “ไผ่มันหมู” หรือ ไผ่เป๊าะ จะแทงหน่อให้เก็บรับประทานในช่วงฤดูฝน มีชื่อเรียกอีกคือไผ่โปก, ไผ่หวาน (เชียงใหม่)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น