การ ปลูกต้นไม้ไว้ในห้องหรือในอาคารถือเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยทำให้ สภาพอากาศในห้องดีขึ้นได้ เพราะต้นไม้จะเป็นตัวช่วยดูดซับสารมลพิษและจุลินทรีย์ภายในห้องได้
ด้วย ความหลากหลายของต้นไม้ที่มีคุณสมบัติสามารถช่วยปรับสภาพอากาศภายใน ห้องให้ดีขึ้น ทำให้ปัจจุบันมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไปนิยมนำมาปลูกประดับตกแต่งเพิ่มความสวยงามภายในสถานที่ทำ งาน อาคารบ้านเรือนและสวนย่อมกันเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบัน ต้นไม้ที่สามารถนำมาปลูกประดับตกแต่งภายในห้องและตามอาคารสถานที่ต่างๆ ในบ้านเรานั้น มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่สามารถหาซื้อได้ตามร้านจำหน่ายต้นไม้ทั่วๆ ไป ซึ่งต้นไม้แต่ละชนิดที่นำมาปลูกประดับตกแต่งนั้นจะมีความแตกต่างกัน ทั้งเรื่องของพรรณไม้ ขนาดของลำต้น สีสันของดอก ใบ และที่สำคัญคือ การนำไปใช้งาน
จั๋ง เป็นไม้ประดับชนิดหนึ่งที่สามารถนำมาปลูกประดับตกแต่งภายในและภายนอกอาคาร เพราะด้วยความสวยงาม ทนทาน ขนาดของต้นไม่ใหญ่มากและมีความสามารถในการช่วยปรับสภาพอากาศ ช่วยดูดไอระเหยของสารเคมีต่างๆ ได้ดีเท่าต้นหมากเหลือง ทำให้ต้นจั๋งได้รับความนิยมนำมาปลูกประดับตามอาคารสถานที่ต่างๆ ซึ่งปัจจุบันแหล่งผลิตต้นจั๋งในบ้านเรานั้นมีให้เห็นอยู่ทุกภาคของประเทศ โดยเฉพาะชุมชนหมู่บ้านแค่ ตำบลบ้านเป้า อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
หมู่ บ้านแค่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลบ้านเป้า อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง มีชื่อเสียงและความชำนาญในเรื่องการเพาะขยายพันธุ์ต้นจั๋งที่มีคุณภาพ เป็นที่รู้จักและเป็นที่ต้องการของตลาดในจังหวัดและต่างจังหวัด ซึ่งในแต่ละปีนั้นสามารถทำรายได้ให้กับชุมชนได้มากกว่ารายได้จากการปลูกพืช หลักที่ทำอยู่
รับซื้อจำหน่ายเป็นไม้ประดับ
สร้างรายได้เป็นเท่าตัว
จั๋ง เดิมที่เป็นพืชที่คนในอำเภอลอง จังหวัดแพร่ นำยอดอ่อนมาปรุงเป็นอาหารรับประทาน ซึ่งจะมีรสชาติขมเล็กน้อยคล้ายกับหวาย ในขณะที่คนในชุมชนมองว่า ต้นจั๋ง เป็นพืชที่นำมาปรุงเป็นอาหารได้นั้น คุณศรีรัตน์ วงค์สุนะ ได้มองเห็นว่าต้นจั๋งนั้นสามารถนำมาปลูกใส่กระถางและนำมาประดับตกแต่งเพิ่ม ความสวยงามตามอาคารได้อีกทางหนึ่ง
คุณศรี รัตน์ วงค์สุนะ เป็นคนลำปาง ที่มีอาชีพขับรถออกขายของตามต่างจังหวัด ทำให้ได้พบเห็นต้นไม้หลากหลายชนิด ซึ่งรวมถึงต้นจั๋งไม้ประดับสารพัดประโยชน์ชนิดนี้ด้วย
ผมมองว่า ต้นจั๋ง เป็นต้นไม้ที่สามารถขุดใส่กระถางแล้วนำไปขายเป็นไม้ประดับให้กับโรงแรมหรือ ว่าบ้านจัดสรรได้ แต่นั้นก็เป็นเพียงความคิดที่ยังไม่รู้ว่าจะได้ทำหรือเปล่า เพราะตอนนั้นยังไม่รู้ว่าตลาดมันเป็นอย่างไร ส่งขายที่ไหน ราคาเท่าไหร่ มีคนต้องการหรือเปล่า และที่สำคัญเทคนิควิธีการปลูก ขุด ห่อ ดูแลรักษาก็ยังไม่มี ในตอนนั้นทำได้แค่เพียงหยิบสมุดขึ้นมาจดบันทึกไว้ว่าเจอต้นไม้แปลกๆ ที่บ้านแม่ป๋าน อำเภอลอง จังหวัดแพร่
หลัง จากออกขายของตามต่างจังหวัดมาหลายวัน คุณศรีรัตน์ก็กลับมาพักผ่อนอยู่ที่บ้าน จนวันหนึ่งได้ผ่านไปแถวๆ บ้านน้ำโท้ง ซึ่งเป็นตลาดแถวๆ หนองกระทิง ก็ได้เห็นต้นจั๋งอยู่บนรถปิคอัพคันหนึ่ง จึงจอดรถและลงไปถามเจ้าของรถ จนได้คำตอบว่าจะเอาไปส่งให้เถ้าแก่ที่สวนเนิร์สเซอรี่ในตัวจังหวัดลำปาง
ตัดสินใจขับรถตามไปส่งของที่สวน และได้เห็นว่า ที่นี่เขามีต้นไม้พักไว้เพื่อรอส่งขายเป็นจำนวนมาก นับว่าเป็นแหล่งรับซื้อที่ใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง จึงเดินไปถามเจ้าของรถปิคอัพอีกครั้งว่ารับซื้อมาต้นละเท่าไหร่ และเถ้าแก่เขารับซื้อต้นละเท่าไหร่ เขาก็บอกว่ารับมาจากชาวบ้านโดยซื้อเหมายกเป็นสวน ซึ่งราคาก็แล้วแต่จะตกลง ส่วนราคาที่เถ้าแก่เขารับซื้อนั้นจะอยู่ที่ต้นละ 10 บาท คุณศรีรัตน์ กล่าว
สอบ ถามราคารับซื้อและราคาขายเป็นที่เรียบร้อย เช้าวันรุ่งขึ้นคุณศรีรัตน์จึงชวน คุณอนัน ปีบ้านใหม่ อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและ คุณผิน มณีวรรณ ออกหาซื้อต้นจั๋ง เพื่อนำมาส่งขายให้กับเถ้าแก่ในตัวจังหวัดลำปาง
ผม คุณอนัน และคุณผิน ตระเวนหาซื้อต้นจั๋งได้ทั้งหมด 230 ลำ นำไปส่งขายให้กับเถ้าแก่ ซึ่งครั้งแรกที่ไปส่งยังไม่เป็นที่พอใจของเถ้าแก่ เพราะสินค้าที่เราเอาไปส่งนั้นเรายังขุดไม่เป็น ห่อตุ้มถุงไม่เป็น ขนส่งก็ยังไม่เป็น ทำให้สินค้าเกิดความเสียหาย ใบแตก ขุดขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าจะตายหรือเปล่า แต่เถ้าแก่ก็ใจดีรับซื้อของไว้ทั้งหมด แต่มีเงื่อนไขยังไม่จ่ายเงิน เพราะต้องขอดูอาการของต้นไม้ก่อน 7 วัน
หลังจากครบกำหนด 7 วัน ผมก็มารับเงิน ซึ่งตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าจะได้เงินเท่าไหร่ รับมาก็เอามานับ ได้ทั้งหมด 2,340 บาท นั้นก็หมายความว่าต้นไม้ที่นำมาส่งไม่มีต้นไหนที่ตาย หลังจากนั้นมาผมก็ทำการค้ากับเถ้าแก่ไปพร้อมๆ กับศึกษาวิธีการขุดและห่อตุ้มถุงรวมถึงกระบวนการขนส่งจนชำนาญจากสวนเนิร์สเซ อรี่ คุณศรีรัตน์ กล่าว
คุณศรีรัตน์ คุณอนัน และคุณผิน ออกตระเวนหาซื้อต้นจั๋งในเขตภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง ทั้ง แพร่ น่าน เชียงราย เชียงใหม่ ไปถึงแม่จัน แม่สาย จนแหล่งรับซื้อเริ่มน้อยลงทำให้ราคารับซื้อเริ่มสูงขึ้นจากเดิมเป็นลำละ 5 บาท แต่ช่วงนั้นคุณศรีรัตน์และเพื่อนๆ ก็ยังออกหารับซื้อและนำมาส่งขายให้กับเถ้าแก่เหมือนเดิม
เป็น ช่วงเศรษฐกิจไม่ค่อยดีแต่คุณศรีรัตน์และเพื่อนๆ ก็ยังออกหาซื้อต้นจั๋งไปขายให้กับเถ้าแก่เหมือนเดิม ซึ่งเถ้าแก่เองก็เห็นใจขึ้นราคาให้เป็นลำละ 15 บาท จนราคาสูงขึ้นถึงลำละ 60 บาท แต่เถ้าแก่ก็ยังรับซื้อ คุณศรีรัตน์และเพื่อนๆ เห็นว่าราคาดีจึงเอามาปลูกเองที่หมู่บ้านพร้อมกับแนะนำส่งเสริมให้กับชาว บ้านปลูก และก็รับซื้อไปขายต่ออีกทีหนึ่ง
ส่งเสริมปลูกในพื้นที่
ตลาดดีเป็นที่น่าพอใจ
ด้วย ราคาที่สูงขึ้น แต่แหล่งรับซื้อเริ่มน้อยลง ทำให้คุณศรีรัตน์และเพื่อนๆ ได้นำมาปลูกเองในหมู่บ้าน โดยเริ่มปลูกในพื้นที่ของคุณผินเป็นที่แรก ซึ่งขณะนั้นเองก็มีชาวบ้านหลายคนให้ความสนใจแบ่งพื้นที่มาปลูก
นำมาปลูกในพื้นที่พร้อมกับส่งเสริมให้ชาวบ้านในตำบล ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้พื้นที่ทำการเกษตร ปลูกถั่วลิสง ถั่วเหลือง ทำนา ซึ่งช่วงแรกที่เข้าไปส่งเสริมนั้นจะแนะนำวิธีการปลูกลงพื้นดินกลางแจ้ง โดยระยะห่างระหว่างต้นและแถวจะอยู่ประมาณ 1x1 เมตร ซึ่งการปลูกด้วยวิธีนี้จะช่วยทำให้แตกหน่อเพิ่มขึ้น และจากนั้น 3 เดือน ก่อนที่จะขุดขายก็จะคลุมด้วยซาแรนพร้อมกับใส่ปุ๋ย สูตร 15-15-15 เล็กน้อย เพื่อช่วยทำให้ใบเขียว สวย มันวาว เป็นที่ต้องการของตลาดยิ่งขึ้น
ส่วน การดูแลรักษานั้น จะไม่ค่อยมี เพราะจั๋งเป็นพืชที่ไม่ค่อยมีโรคและแมลง ใช้พื้นที่ในการผลิตก็น้อย ทำให้ไม่ต้องดูแลมากแต่พื้นที่ที่ใช้ปลูกนั้นจะต้องเป็นดินร่วนซุย น้ำสามารถผ่านได้ดี คุณศรีรัตน์ กล่าว
หลาย คนหันมาปลูกต้นจั๋งเสริม จนปัจจุบันมีพื้นที่การผลิตทั้งตำบลมากถึง 700 ไร่ ซึ่งประกอบไปด้วยหมู่บ้านแค่ บ้านใหม่ และบ้านหัวทุ่ง แต่เมื่อเทียบกับสัดส่วนพื้นที่ที่ใช้ในการผลิตพืชผลทางการเกษตรเดิมนั้นก็ ยังมีปริมาณที่น้อยกว่า เพราะพื้นที่ที่ใช้ปลูกต้นจั๋งนั้น ใช้ไม่มากสามารถปลูกตามพื้นที่ว่างๆ บริเวณหลังบ้านหรือตามหัวไร่ปลายนาได้ แต่ถ้าหากต้องการผลิตให้ได้ปริมาณที่มากๆ ก็ใช้พื้นที่เพียงไม่กี่ไร่ก็สามารถผลิตได้
จาก การขยายพื้นที่ปลูกทำให้ปริมาณต้นจั๋งมีปริมาณเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อตลาดรับซื้อเดิม ไม่สามารถรับซื้อได้หมด หลายคนหาตลาดเองโดยการนำสินค้าส่งเข้าไปขายในกรุงเทพฯ บางรายก็เข้าไปขายเองที่ ตาดนัดจตุจักร ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
สำหรับตลาดรับซื้อนั้น จะอยู่ที่กรุงเทพฯ เป็นหลัก โดยเฉพาะที่ราบ 11 จะมีคนมารอรับซื้อและก็จะไปกระจายขายต่อตามจังหวัดต่างๆ และอีกที่หนึ่ง คือตลาดนัดจตุจักร ซึ่งส่วนใหญ่จะนำมาขายส่งให้กับพ่อค้า แม่ค้า ที่มีร้านประจำอยู่ บางครั้งก็มานั่งขายเอง ทำให้การขนส่งสินค้าในแต่ละครั้งต้องใช้รถในการขนส่งมากถึง 30 คัน คุณศรีรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย
ปัจจุบัน ชาวบ้านตำบลบ้านเป้า อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ได้จัดตั้งกลุ่มไม้ดอกไม้ประดับ รวบรวมสินค้าที่มีทั้ง ต้นจั๋ง ลีลาวดี ปาล์ม หมากเหลือง ฯลฯ ไว้จำหน่าย ท่านใดที่สนใจก็สามารถติดต่อสอบถามไปได้ที่ โทร. (081) 998-3885 (คุณบุญส่ง อินคำเชื้อ) โทร. (081) 724-9202 (คุณสมัย ก๋าจารี) โทร. (087) 181-0091 (คุณวร จันทร์ปัน)
........................................................
ชื่อสามัญ Lady palm
ชื่อวิทยาศาสตร์ Rhapis exclesa.
ตระกูล PALMAE
ถิ่นกำเนิด ไทย จีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย
ลักษณะทั่วไป
จั๋ง เป็นปาล์มที่มีขนาดเล็ก ลำต้นมีขนาดเท่าหัวแม่มือหรือใหญ่กว่าเล็กน้อย โดยทั่วไปมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 2 นิ้ว ลำต้นเป็นกอคล้ายกอไผ่ มีความแข็งแรงมาก กอหนึ่งจะสูงประมาณ 3-5 เมตร ใบมีสีเขียวเข้มเป็นมัน รูปใบพัดและมีใบย่อยแตกออกจากกันเป็นแฉกลึก ใบ 1 ใบ จะมีใบย่อยประมาณ 5-10 ใบ ก้านใบเล็ก มีสีเขียวและแข็งยาวประมาณ 12 นิ้ว
การดูแลรักษา
แสง ชอบแสงแดดมาก
น้ำ ต้องการน้ำพอประมาณ
ดิน เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุย
ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก ปีละ 2 ครั้ง
การขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ดและแยกหน่อ (การเพาะเมล็ดจะได้ต้นที่มีรูปทรงสวยงามกว่า)
โรคและแมลง ทนทานต่อโรคและแมลงได้ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น