วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ไส้เดือนดินไทยแท้ 5 ชนิดใหม่ของโลก

    
            จุฬาฯ แสดงไส้เดือนดินไทยแท้ 5 ชนิดใหม่ของโลก ชี้เป็นโรงงานผลิตปุ๋ยในธรรมชาติ
                     วันนี้ 2 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้มีการจัดงานจัดการประชุมครั้งที่ 1 อนุกรมวิธานและซิสเทมาติคส์ของไทยในประเทศไทย (The 1st Conference on Taxonomy and Systematics in Thailand) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 พฤษภาคมนี้ โดยความร่วมมือระหว่างคณะวิทยาศาสตร์ 3 มหาวิทยาลัย ได้แก่   จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอบแก่น และมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยภายในงานมีการนำเสนองานวิจัยทั้งที่เคยเผยแพร่ผ่านสื่อแล้ว และยังไม่เคยเผยแพร่มาก่อน หนึ่งในงานวิจัยนับร้อยชิ้น คือการนำเสนอการค้นพบไส้เดือนดิน 5 ชนิดใหม่ของโลก ที่จังหวัดน่าน
              
            ศาสตราจารย์ ดร.สมศักดิ์  ปัญหา นักวิจัยจากหน่วยปฏิบัติการวิจัยซิสเทมาติกส์ของสัตว์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ไส้เดือนดินในประเทศไทยมีการรายงานครั้งแรกเมื่อประมาณ 70 ปีที่แล้ว โดยมีการรายงานไว้ทั้งสิ้น 24 ชนิด (Gates, 1939) หลังจากนั้นแม้ว่าจะมีการศึกษาเพิ่มเติมบ้างแต่เป็นการศึกษาในบางพื้นที่ เท่านั้นและยังไม่เคยมีการรายงานชนิดใหม่เกิดขึ้น จนกระทั่งปี 2554 จากการที่ได้สำรวจไส้เดือนดินที่จังหวัดน่าน พบว่าไส้เดือนส่วนใหญ่จัดอยู่ในวงศ์ Megascolecidae พบทั้งสิ้น 18 ชนิด โดยมีไส้เดือนที่พบได้ทั่วไปในพื้นที่คือ Amynthas alexandri, Metaphire anomala, M. houlleti, M. peguana (ไส้เดือนขี้ตาแร่) และ M. posthuma (ไส้เดือนขี้คู้) ตนและคณะได้มีการสำรวจเกี่ยวกับไส้เดือนมาตั้งแต่ปี 2552 และประสบความสำเร็จในการค้นพบและได้รับการตีพิมพ์ในวารสารระดับนานาชาติ เมื่อเร็วๆนี้(ปี พ.ศ.2554) อีก 5 ชนิดใหม่ของโลกโดยยังไม่มีการระบุชื่อสามัญ ได้แก่
            1.Amynthas borealis Panha & Bantaowong, 2011 เป็นไส้เดือนดินขนาดเล็กยาว 4-5 เซนติเมตร มีจำนวนช่องรับสเปิร์ม (spermathecal pores) 1 คู่ ระหว่างปล้องที่ 7/8 ไคลเทลลัม (clitellum) อยู่ปล้องที่ 14-16 และมีช่องเปิดเพศเมีย 1 อันอยู่บนปล้องที่ 14 ในขณะที่ช่องเปิดเพศผู้จำนวน 1 คู่ โดยระหว่างช่องเปิดเพศผู้บนปล้องที่ 18 จะนูนและมีสันยาวคมชัดขวางอยู่บนช่องเปิดเพศผู้ทั้งสอง ลักษณะภายใน ถุงรับสเปิร์ม (spermatheca) มีลักษณะเป็นถุงขนาดใหญ่ diverticulum เป็นท่อยาว และไม่พบ genital marking glands(ช่องอวัยวะสืบพันธ์) สถานที่พบ : ไส้เดือนชนิดนี้พบอาศัยอยู่บริเวณเขาหินปูนซึ่งเป็นภูเขาเล็กๆ ที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน และพื้นที่ป่าส่วนใหญ่กำลังถูกบุกรุกด้วยการแผ้วถางและเผาป่า
           
            2.Amynthas phatubensis Panha & Bantaowong, 2011 เป็นไส้เดือนดินขนาดปลานกลางยาว 8-15 ซม. มีจำนวน 85-114 ปล้อง ลักษณะสำคัญของไส้เดือนชนิดนี้คือ มีช่องรับสเปิร์ม (spermathecal pores) เพียง 1 คู่อยู่ระหว่างปล้องที่ 7/8 ไคลเทลลัม (clitellum) อยู่ปล้องที่ 14-16 และมีช่องเปิดเพศเมีย 1 อันอยู่บนปล้องที่ 14 ช่องเปิดเพศผู้แม้ว่าจะมองเห็นได้ยากแต่ก็สามารถสังเกตได้จาก genital markings ที่จะพบเป็นจำนวนมากประมาณ 6 อันเรียงรายอยู่โดยรอบช่องเปิดเพศผู้ นอกจากนี้ยังพบ genital markings จำนวน 1 คู่ บนปล้องที่ 17 และบริเวณใกล้ๆ กับช่องรับสเปิร์ม คือ ปล้องที่ 7 และ 8 อีกด้วยลักษณะภายใน ลักษณะของถุงรับสเปิร์ม (spermatheca) เป็นถุงรูปไข่ขนาดใหญ่ และตรงโคน diverticulum จะคดงอแต่ส่วนปลายเป็นปุ่มกลม  ลักษณะที่สำคัญก็คือ พบ genital marking gland มีลักษณะเป็นก้อนติดอยู่กับผนังลำตัวด้านในตรงปล้องที่ 7 และ 8
            สถานที่พบ ไส้เดือนชนิดนี้พบเป็นจำนวนมากอาศัยอยู่ตามเขาหินปูน บริเวณวนอุทยานถ้ำผาตูบ อ.เมือง จ. น่าน
           
            3.Amynthas srinan Panha & Bantaowong, 2011 ไส้เดือนขนาดเล็กยาว 3-4 ซม. มีจำนวน 52-78 ปล้อง ลักษณะสำคัญของไส้เดือนชนิดนี้คือ มีช่องรับสเปิร์ม (spermathecal pores) 1 คู่อยู่ระหว่างปล้องที่ 7/8 ไคลเทลลัม (clitellum) อยู่ปล้องที่ 14-16 และมีช่องเปิดเพศเมีย 1 อันอยู่บนปล้องที่ 14 ส่วนช่องเปิดเพศผู้อยู่ปล้องที่ 18 เห็นได้ค่อนข้างชัดเจน และลักษณะเด่นของไส้เดือนชนิดนี้ก็คือ มี genital markings เป็นคู่ จำนวน 4 คู่ บนปล้องที่ 7, 8, 17 และ 18 ลักษณะภายใน ถุงรับสเปิร์ม (spermatheca) มีลักษณะคล้ายรูปไตอยู่ภายในปล้องที่ 8 และจะพบ genital marking glands มีลักษณะแบบมีก้านชูอยู่ตำแหน่งเดียวกับ genital marking ที่พบอยู่ด้านนอก
            สถาน ที่พบ เป็นไส้เดือนขนาดเล็กพบค่อนข้างชุกชุมในอุทยานแห่งชาติศรีน่าน โดยจะพบอาศัยอยู่ตามใต้ซากใบไม้ทับถมที่เปียกชื้น
           
            4.Amynthas tontong Panha & Bantaowong, 2011 เป็นไส้เดือนขนาดเล็กยาวประมาณ 4 ซม. มีจำนวน 70-80 ปล้อง ลักษณะสำคัญคือมี มีช่องรับสเปิร์ม (spermathecal pores) 1 คู่อยู่ระหว่างปล้องที่ 7/8 ไคลเทลลัม (clitellum) อยู่ปล้องที่ 14-16 และมีช่องเปิดเพศเมีย 1 อันอยู่บนปล้องที่ 14 ส่วนช่องเปิดเพศผู้อยู่ปล้องที่ 18 เห็นได้ค่อนข้างชัดเจน และมี genital markings 1 คู่ อยู่ระหว่างปล้องที่ 18/19
            ลักษณะภายใน : ถุงรับสเปิร์ม (spermatheca) มีลักษณะคล้ายรูปนิ้วหัวแม่มือ diverticulum เป็นก้านตรงยาวส่วนปลายเป็นปุ่มกลม สถานที่พบ : พบที่น้ำตกต้นตอง อ. ปัว จ.น่าน5.Metaphire grandipenes Bantaowong & Panha, 2011 ไส้เดือนขนาดปานกลางประมาณ 10 ซม. จำนวน 195 ปล้อง มีช่องรับสเปิร์ม (spermathecal pores) 3 คู่ ระหว่างปล้องที่ 5/6-7/8 ลักษณะเด่นของไส้เดือนชนิดนี้คือช่องเปิดเพศผู้ (male pores) ซึ่งอยู่บนปล้องที่ 18 ยื่นยาวออกมานอกลำตัวอย่างชัดเจน และมี genital markings ขนาดใหญ่อยู่บนปล้องที่ 19 ลักษณะภายใน ถุงรับสเปิร์ม (spermatheca) มีรูปไข่ค่อนข้างกลม diverticulum ขดไปมา และมี genital marking glands ขนาดใหญ่ติดอยู่บนปล้องที่ 19สถานที่พบ พื้นที่ป่าชุมชน ต.ไหล่น่าน อ.เวียงสา จ.น่าน
              
            ศ.ดร.สม ศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การค้นพบไส้เดือนดินชนิดใหม่ในจังหวัดน่านครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นของงานอนุกรมวิธานไส้เดือนของไทยที่ห่างหายและไม่เคยมี การรายงานมานานมากกว่า 70 ปี ที่สำคัญยังเป็นการค้นพบและรายงานโดยคนไทยอีกด้วย และคาดว่าประเทศไทยน่าจะมีความหลากหลายของไส้เดือนสูงไม่แพ้ประเทศอื่นเพราะ บ้านเรามีความหลากหลายทางระบบนิเวศสูงนั่นเองไส้เดือนดินเป็นสัตว์ที่มีคุณ ประโยชน์อย่างมากในการสร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศ เนื่องจากเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในดินและย่อยสลายซากอินทรียวัตถุต่างๆ จึงเท่ากับเป็นการพรวนดินและสร้างอินทรีย์สารให้กับดิน ทำให้ดินร่วนซุย เหมาะต่อการเจริญเติบโตของพืช ไส้เดือนจึงเปรียบเสมือน “โรงงานผลิตปุ๋ยเคลื่อนที่” ให้กับธรรมชาติได้เป็นอย่างดี
              
            ทั้ง นี้ ภายในงานดังกล่าว มีนักอนุกรมวิธานและซิสเทมาติคส์ของประเทศไทย จำนวน 200 คน เข้าร่วมงานมีการนำเสนองานวิจัยเกี่ยวกับ พืช 60 เรื่อง สัตว์ 100 เรื่อง และจุลินทรีย์ 40 เรื่อง นับเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่มีการรวมรวมนักอนุกรมวิธาน เพื่อเป็นการหาแนวร่วมในการพัฒนาฐานข้อมูลเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ ของประเทศไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น