วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

การเตรียมเด็กเข้าโรงเรียน

            การเตรียมเด็กเข้าโรงเรียน
             
            การ เตรียมเด็กเข้าโรงเรียนต้องเป็นการเตรียมทั้งด้านโรงเรียน ครูและผู้ปกครองโดยทุกคนต้องเข้าใจและพร้อมร่วมมือกันในการเตรียมเด็กเข้า โรงเรียน โรงเรียนมีหน้าที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ลดความกังวลของผู้ปกครองซึ่งส่งผลต่อการเตรียมของผู้ปกครองในการนำเด็กเข้า โรงเรียนและเด็กที่เข้าโรงเรียนจะไม่กังวลที่ต้องไปโรงเรียน
             
            การ หาโรงเรียนเป็นความยุ่งยากใจของผู้ปกครอง โดยเฉพาะการเลือกโรงเรียนที่ดีที่สุดให้กับเด็ก แต่การไปโรงเรียนเป็นความยุ่งยากใจสำหรับเด็กมากกว่า เช่น เด็กมักพูดว่า “แม่ขา ลูกไม่อยากไปโรงเรียน” หรือมีอาการอิดเอื้อนแสดงอาการเกียจคร้านที่จะไปโรงเรียนสาเหตุคืออะไรตาม หลักจิตวิทยาเด็กอนุบาลไม่อยากไปโรงเรียนเพราะการไปโรงเรียนหมายถึงการ พลัดพรากและการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่มีความแตกต่างจากบ้านส่วนเด็ก โตหมายถึงการเกียจคร้าน การหาเหตุผลแก้เหตุจากปัญหาการเรียนที่ตนสร้าง อายุเด็กที่ต่างกัน ชั้นเรียนที่ต่างกันทำให้เด็กมีปัญหาการไปโรงเรียนมากกว่าเด็กโต เพราะโรงเรียนเป็นโลกและประสบการณ์ใหม่ของเด็กที่ต้องปรับตัวลูกพร้อมที่จะ เข้าโรงเรียนอนุบาลหรือยัง
             
            เมื่อเด็ก อายุ 2-3 ขวบ พ่อแม่จะให้ลูกเข้าโรงเรียนอนุบาลบางคนก็อาจจะเข้าโรงเรียนเร็วกว่านั้น เนื่องจากความจำเป็นบางประการ ปัญหาที่เกิดคือเด็กพร้อมที่จะเข้าโรงเรียนอนุบาลหรือยัง จะเตรียมความพร้อมของเด็กอย่างไร
             
            ดังนั้น เมื่อผู้ปกครองนำเด็กมาปรึกษาเรื่องเด็กพร้อมไปโรงเรียนหรือยัง อาจประเมินปัจจัยต่าง ๆ
             
            1.    ความคาดหวังพ่อแม่ พ่อแม่มักมีการตั้งความคาดหวังเกี่ยวกับความสามารถของเด็กเมื่อไปโรงเรียน ซึ่งความคาดหวังของพ่อแม่นี้เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญไม่ด้อยไปกว่า ความสามารถในการเรียนรู้ของเด็ก เนื่องจากเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน แต่เมื่อไปโรงเรียนพฤติกรรมการแสดงออก ความสามารถที่โรงเรียนอาจไม่เหมือนกัน ซึ่งถือว่าไม่ใช่ความผิดปกติ พ่อแม่ควรเข้าใจถึงความแตกต่างนี้
             
            2.    ประวัติการเจ็บป่วยบางอย่างของเด็กตั้งแต่ในครรภ์ คลอด ตลอดจนหลังคลอด มีผลต่อสมองของเด็ก ซึ่งอาจมีผลต่อพัฒนาการของสมองของเด็กเนื่องจากการเจริญ การสร้างของเซลล์ประสาทมีมากในวัยก่อนเข้า ดังนั้นในกลุ่มเด็กที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาด้านการเรียนรู้ เช่น คลอดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย แม่เจ็บป่วยตอนท้อง แม่ได้รับสารบางอย่างก่อนคลอด จึงเป็นกลุ่มที่ต้องให้ความสนใจระวังว่าจะเกิดปัญหาการเรียนรู้ในโรงเรียน
             
            3.    พัฒนาการของเด็กมีความแตกต่างกันตามวัยอย่างไรก็ตามการประเมินความพร้อมที่ จะไปโรงเรียนของเด็กจึงต้องพิจารณาจากความสามารถต่าง ๆ เพื่อว่าจะไม่นำมาซึ่งปัญหาด้านการเรียนรู้ต่าง ๆ ในโรงเรียนตามมาโรงเรียนอนุบาลที่ดี
             
            โรงเรียนอนุบาลที่ดีควรจะมีลักษณะดังต่อไปนี้
             
            -    เด็กควรจะเล่นกับเพื่อนหรือของเล่นระหว่างที่รอรับผู้ปกครองเป็นเวลานาน ไม่ควรให้เด็กนั่งรอโดยเปล่าประโยชน์ หรือเปิดสื่อที่ไม่เหมาะสมให้เด็กดู
             
            -    เด็กควรจะมีของเล่นเพื่อเสริมพัฒนาการหลาย ๆ อย่าง เช่น หนังสือภาพ นิทาน ตัวต่อ บล็อกไม้ ของเล่นเสริมจินตนาการเป็นต้น เด็กไม่ควรเล่นของซ้ำซากจำเจอย่างเดียว
             
            -    ห้องเรียนควรจะตกแต่งด้วยงานศิลปะผลงานเด็ก หรือภาพต่าง ๆ ศัพท์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็ก
             
            -    เด็กควรจะเรียนตัวเลขและหนังสือจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว ควรจะได้เรียนรู้ต้นไม้ สัตว์ การทำอาหาร และแจกจ่ายอาหารว่างจากประสบการณ์จริงในบางเวลา
             
            - เด็กควรจะได้เล่นกลางแจ้งถ้าอากาศอำนวย
                 
            -  คุณครูควรจะอ่านหนังสือให้เด็กฟังเสมอ
           
            - ควรจะมีการปรับเปลี่ยนการสอนสำหรับเด็กที่มีปัญหาในการเรียน
            
            - ควรทำให้พ่อแม่สบายใจเรื่องความปลอดภัย เด็กมีความสุขไม่ป่วยบ่อย
             
            สิ่ง ที่กล่าวข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างที่คุณพ่อคุณแม่จะใช้สังเกต แต่การได้ไปสัมผัสกับคุณครูและโรงเรียนโดยตรงแม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ อาจช่วยในการประกอบการตัดสินใจได้
             
            ข้อมูลจาก แพทย์หญิงอดิศร์สุดา  เฟื่องฟู กุมารแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก แพทย์ที่ปรึกษา โรงพยาบาลพญาไท 2 / http://www.phyathai.com.
                     นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น